ศรีสุวรรณร้อง มท.1-สอบจริยธรรมร้ายแรงและปลดปลัดมหาดไทยปมดูถูกผู้ใต้บังคับบัญชา-บลูลี่สถาบันการศึกษา
ศรีสุวรรณร้อง มท.1-สอบจริยธรรมร้ายแรงและปลดปลัดมหาดไทยปมดูถูกผู้ใต้บังคับบัญชา-บลูลี่สถาบันการศึกษา
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่าตามที่นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้ใช้คำพูดผรุสวาทดูหมิ่นผู้ใต้บังคับบัญชาว่า “จบอะไรมาวะ เฮ้ย ทำไมมันโง่อย่างนั้นวะ คุณรุ่นอะไรอ่ะ โง่เป็นควายเลย ไอ้เหี้.. เอ้ย” ท่ามกลางที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2565 โดยมีการถ่ายทอดระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังหน่วยงานในสังกัดหลายจังหวัด และคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่และแชร์ไปทั่วโลกโซเชียลเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และตำหนิอย่างรุนแรงของสังคมไทยอยู่ในขณะนี้นั้น
กรณีดังกล่าวแม้นายสุทธิพงษ์ จะออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ยอมรับว่าพูดจริงแต่ภาคเสธว่าไม่มีเจตนาจะดูถูกสถาบันการศึกษาใดๆ เป็นคนพูดจาสไตล์ลูกทุ่ง อาจมีการดุด่าลูกน้องเพื่อเร่งรัดงาน เรื่องถ้อยคำขอน้อมรับด้วยความเสียใจและขอยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาที่ดูหมิ่นสถาบันการศึกษาใดๆ เลยนั้น เป็นการแก้ตัวไปแบบน้ำขุ่นๆ ทั้งๆที่นายสุทธิพงษ์มีวุฒิภาวะเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย จบการศึกษาถึงระดับปริญญาเอก ย่อมต้องรู้กาลเทศะในการใช้คำพูดดี การออกมาภาคเสธดังกล่าว ไม่มีน้ำหนักที่สังคมจะรับฟังได้
ทั้งนี้ คำพูดดังกล่าวอาจส่อไปในทางขัดต่อ ข้อ 2 (2) และ (7) ของประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ที่ออกตามความใน ม.6 แห่ง พรบ.มาตรฐานทางจริยธรรม 2562 ประกอบระเบียบคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม ว่าด้วยหลักเกณฑ์ การจัดทำประมวลจริยธรรม ข้อกำหนดจริยธรรม และกระบวนการรักษาจริยธรรมของหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2563 ที่กำหนดว่า “ข้าราชการต้องดำรงตนเป็นแบบอย่างด้วยการเป็นข้าราชการที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ พึงปฏิบัติตนให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชน ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน...” อีกทั้งยังขัดต่อแนวทางการปฏิบัติตนของข้าราชการฯตามหนังสือสั่งการของเลขาธิการ ก.พ.ที่ นร 1019/ ว 9 ลงวันที่ 5 ก.ค.2564 ในข้อที่ไม่ควรทำ ข้อ 19 ที่ว่า “ไม่ประพฤติหรือกระทำการใดๆอันเป็นเหตุให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี และภาพลักษณ์ของตนเองและราชการ”
นอกจากนั้นคำพูดดังกล่าวอาจเข้าข่ายการ “ดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน” ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.393 ม.326 และ ม.136 โดยเทียบเคียงได้ตามฎีภา 445/2522, 6629/2556, 5257/2548 ฯลฯ มีโทษทั้งปรับและหรือจำคุก
สมาคมฯเห็นว่าการใช้คำพูดดังกล่าวต่อผู้ใต้บังคับบัญชาในที่สาธารณะเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่ปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมข้าราชการอย่างร้ายแรงและฝ่าฝืนข้อกำหนดจริยธรรมของส่วนราชการ จึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการมาตรฐานจริยธรรมหรือ ก.ม.จ. โดย รมว.มหาดไทยในฐานะผู้บังคับบัญชาดำเนินการลงโทษตามครรลองที่กฎหมายกำหนด โดยสั่งปลดออกจากตำแหน่งไปเสีย วันนี้สมาคมฯจึงทำหนังสือร้องเรียนไปยัง มท.1 ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยด่วนต่อไป หากเพิกเฉย รมว.มหาดไทยก็อาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามไปด้วย นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น